มะกรูด พืชประจำท้องถิ่นในไทย พม่า อินเดีย ศรีลังกา ฟิลิปปินส์ และ คาบสมุทรมลายู โดยมะกรูด มีชื่อเรียกต่างๆตามแต่ละพื้นที่ เช่น มะขุน มะขู มะขูด ส้มกรูด ส้มมั่วผี เป็นต้น ซึ่งมะกรูดที่ปลูกในไทยแบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์หลัก คือ สายพันธุ์ที่มีลักษณะผิวขรุขระ มีผลขนาดใหญ่ ติดผลเป็นพวง ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะในการปลูกเพื่อผลิตใบและผลส่งโรงงานแปรรูปน้ำมันหอมระเหย และอีกสายพันธุ์มีลักษณะผิวเรียบ มีผลขนาดเล็ก ให้ผลผลิตตลอดปี
ปัจจุบันมีการสกัดน้ำมันหอมระเหยจากผลมะกรูด เพื่อนำไปใช้ประโยชน์หลากหลาย ทั้งการแปรรูปและนำไปเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อาทิเช่น เครื่องสำอาง สบู่ ยาสีฟัน น้ำยาล้างจาน หรือแม้แต่นำไปเป็นส่วนผสมในอาหารไก่เพื่อช่วยต้านทานโรค นอกจากนี้ ยังมีการนำมะกรูดไปใช้เป็นส่วนผสมของยาต่างๆ ในทางการแพทย์แผนไทย เช่น ใช้น้ำมะกรูดในการแก้ท้องอืด ช่วยให้เจริญอาหาร บำรุงโลหิต ฟอกเลือด แก้อาการปวดศีรษะ หรือใช้เป็นยาขับลมในลำไส้แก้อาการจุกเสียด เป็นต้น
ในปัจจุบัน “มะกรูด” ไม่ได้เพียงแต่นำไปใช้ประกอบหรือปรุงแต่งรสชาติอาหารเท่านั้น แต่ผู้ที่ทำการเกษตร หรือเพาะปลูกมะกรูด เพื่อผลิตใบและผลมะกรูดส่งโรงงานผลิตน้ำมันหอมระเหย และแปรรูปต่าง ๆ สร้างรายได้ดีไม่แพ้พืชผลเกษตรกรรมอื่นๆ จึงเป็นทำให้มีเกษตรกรและผู้สนใจหันมาเพาะปลูกมะกรูดเชิงการค้ามากขึ้น และมีการขยายพื้นที่การปลูกมะกรูดเพิ่มขึ้น แต่สำหรับมือใหม่ในการปลูกมะกรูดเชิงพาณิชย์ เราได้นำเทคนิคการผลิตผลมะกรูด จากการเผยแพร่ของ รศ.ดร.รวี เสรฐภักดี อาจารย์ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตรมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน นครปฐม มาฝาก เพื่อสามารถนำไปใช้ในการเพิ่มผลผลิตมะกรูด เป็นการเพิ่มรายได้อีกช่องทางหนึ่ง

เทคนิคการผลิตผลมะกรูดเชิงการค้า
การผลิตผลมะกรูดจำเป็นต้องใช้ด้านสรีรวิทยาของการออกดอก โดยมีขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ พันธุ์ต้นมะกรูด ระบบน้ำ ฯลฯ ส่วนด้านอื่น ๆ นั้น ได้แก่

1.ระยะปลูก
โดยเว้นระยะห่างระหว่างต้นต้องไม่น้อยกว่า 1 เมตร ในแถวเดี่ยว โดยอาจใช้ระยะ 1 x 1.5 เมตร (ปลูกได้ประมาณ 1,067 – 1,070 ต้น / ไร่ ) ระยะ 1.5 x 2 เมตร (ปลูกได้ประมาณ 530 – 533 ต้น / ไร่ ) สาเหตุที่ต้องใช้ระยะปลูกห่าง ๆ เพราะจะได้กิ่งที่เกือบขนานกับพื้น มีมีแนวมุมกว้าง ซึ่งจะทำให้ออกดอกได้ดีนั่นเอง

2.ระยะการบังคับการออกดอก
การปลูกมะกรูดให้ออกดอกตามธรรมชาติ ก็จะได้ดอกเพียงในช่วงฤดูหนาว และอาจเก็บเกี่ยวได้เพียงประมาณ 4 เดือนกว่าๆ เท่านั้น แต่เมื่อมีการตัดปลายยอด ร่วมกับการใช้สารชะลอการเจริญเติบโตพาโคลบิวทราโซล พบว่ามะกรูดมีการออกดอกได้ดีมากกว่า โดยจะออกดอกหลังการตัดยอดแล้ว นับไปประมาณ 90 วัน และจะมีดอกมากที่สุด คือช่วงระหว่าง 100 – 200 วัน
แต่สำหรับใครที่ต้องการผลิตใบมะกรูด จะมีความแตกต่างกันออกไปจากการเพิ่มผลมะกรูด โดยมีขั้นตอนดังนี้

1.บริเวณและพื้นที่ปลูก จะต้องมีการระบายน้ำได้ดี มีค่า pH 5.5 – 7.0 เพราะเป็นค่าที่ถือว่ามีอินทรียวัตถุดี เหมาะสมต่อการเพาะปลูก

2.ระยะของแปลงปลูก การปลูกมะกรูดเพื่อผลิตใบจำหน่าย จะต้องเว้นระยะของแปลงปลูก โดยมีความกว้างของแปลงประมาณ 1 เมตร ความห่างระหว่างจุดกึ่งกลางของแปลง 1.5 เมตร ระยะห่างระหว่างต้น 50 เซนติเมตร และควรปลูกแบบสลับฟันปลา เพื่อเว้นระยะห่างระหว่างต้น

3.พันธุ์กิ่ง จะต้องทำการเลือกและคัดกิ่งพันธ์ุให้ดี พยายามคัดสรรกิ่งปลอดโรค โดยเฉพาะโรคแคงเกอร์ ที่มักจะเกิดขึ้นกับต้นมะกรูด หากเกิดพลาดมีกิ่งพันธุ์ติดโรคแคงเกอร์หลุดเข้าไปในแปลงปลูก จะแพร่เชื้ออย่างรวดเร็ว อาจสร้างความเสียหายได้ทั้งแปลงเลยทีเดียว หากพบเจอให้ตัดแต่งกิ่งหรือส่วนใบที่เป็นโรคออก แล้วแช่สเตรปโตมัยซินที่ความเข้มข้น 500 ppm ก่อนนำไปปลูก

4.ระยะเวลาให้ผลผลิต กิ่งที่จะจำหน่ายจะสามารถเริ่มตัดขายได้หลังปลูกไปแล้วประมาณ 4 เดือนเป็นต้นไป และสามารถให้ผลผลิตได้อีกยาวนาน หากมีการดูแลรักษาอย่างดี
จากการทดลองและผลการศึกษาสำหรับการผลิตผลมะกรูดและใบมะกรูดที่ผ่านมา จึงได้ผลสรุปที่ว่า ควรทำการแยกแปลงปลูกมะกรูดออกจากกัน เพราะในส่วนของสรีรวิทยาของผลมะกรูด และใบมะกรูดนั้น มีความแตกต่างกัน กรรมวิธีและขั้นตอนการผลิตจึงแตกต่างกันด้วย